วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ประโยชน์ของแคคตัส

ปัจจุบันนี้มีผู้ปลูกเลี้ยงแคคตัสกันอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้คงจะเนื่องมาจากลักษณะทรงต้นของแคคตัสที่แตกต่างไปจากพืชอื่นๆ คือ มีหนามขึ้นโดยรอบต้นการเรียงตัวของหนามที่เป็นระเบียบสวยงามอย่างเช่นMammillaria หรือ AStrophytum asterias ที่มีลักษณะตุ่มหนามเป็นปุยนุ่มเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ เป็นต้น และนอกจากทรงต้นของแคคตัสที่แปลกตาต่างจากพืชอื่นๆแล้ว แคคตัสยังเป็นพืชที่มีดอกสวยงามสีสันของดอกสดใสดึงดูดสายตา ไม่ว่าจะเป็นดอกสีแดงสดของ Submatucana caliantha หรือดอกสีขาวสะอาดของ Obregonia denegrii หรือสีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง สีชมพู สีเขียว สีม่วงหรือสีส้มสด รวมทั้งรูปทรงของดอกที่แตกต่างกันออกไป แคคตัสบางสกุลเช่น สกุล Mammillaria นั้นจะออกดอกเล็กๆ พร้อมกันทั้งต้นดูละลานตา หรือในสกุล Melocactus ที่จะออกดอกบนบริเวณที่เรียกว่า cephalium ซึ่งเป็นลักษณะที่พืชอื่นไม่มี ทั้งรูปร่างลักษณะของต้น การเรียงตัวของตุ่มหนาม สีสัน และรูปร่างของดอกแคคตัสนี้ คงเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้มีผู้นิยมปลูกเลี้ยงกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบันนั่นเอง
อาจกล่าวได้ว่าไม่มีแคคตัสสักชนิดเดียวที่มีประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญเลย หลายชนิดที่มีการใช้ประโยชน์บ้างตามท้องถิ่นขึ้นอยู่ ตัวอย่างเช่น ในพื้นที่ที่ไม่มีต้นใหญ่นั้น ใช้ลำต้นแห้งของแคคตัสสกุล Cereus ทำเสาปลูกเพิงกระท่อมหรือเสาบ้านเตี้ยๆ ได้ขณะเดียวกัน ในแหล่งที่เลี้ยงสัตว์แต่ไม่มีทุ่งหญ้านั้นกิ่งของ Opuntia เมื่อเอาหนามออกแล้วก็ใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ นอกจากนั้นกิ่งอ่อนของ opuntia บางชนิดสามารถขจัดหนามออกได้ง่ายนำมาทอดรับประทานในประเทศเม็กซิโกและญี่ปุ่น ส่วนในรัฐเท็กซัสนั้นนิยมนำมาต้มรับประทานแทนผัก ในช่วงศตวรรษที่ 17 และ 18 พวกทหารเรือที่ออกทะเลนิยมต้ม Opuntia รับประมานแทนผัก เนื่องจากสามารถเก็บไว้ได้นานเป็นเดือนอีกทั้งช่วยป้องกันโรคบางชนิดได้อีกด้วย
ผลของ opuntia ficus-india ซึ่งเป็น Opuntia ที่มีดอกสีเหลืองนั้นสามารถนำมารับประทานได้ ผลมีลักษณะคล้ายลูกแพร์จึงเรียกกันว่า pricky pear ผลมีสีต่างกันไปขึ้นกับพันธุ์เช่น var.iutea ผลสีเหลือง var. rubar ผลสีแดง cv.Asperma ผลเล็กสีเหลืองและมีเมล็ดขนาดเล็ก var.serotima มีผลสีเหลืองแต่ออกผลช้ากว่าพันธุ์อื่น หรืออาจมีชนิดที่ผลมีสีเหลืองอมแดงหรือลายเหลืองแดงน้ำที่อยู่ในผลจะมีสีเดียวกับเปลือก ภายในผลมีเมล็ดขนาดเล็กและแข็งแต่จัดว่าเป็นไม้ผลที่มีรสหวานอร่อยมาก ผลไม้นี้พบในเขตชื้นของสหรัฐอเมริกาแต่นิยมปลูกในเขตกึ่งร้อนและพบว่าขึ้นตามธรรมชาติในเขตประเทศเม็กซิโก เป็นพืชที่ปลูกในประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียนและแอฟริกาใต้เพื่อส่งเป็นสินค้าส่งออก มีขายทั่วไปในสหรัฐอเมริกา นอกจากรับประทานผลแล้วยังใช้ทำแยม เยลลี่ แผ่นใบใช้เลี้ยงวัวและหมู
นอกจากชนิดที่กล่าวมาแล้วยังมีชนิดอื่นๆ ที่รับประทานได้อีก เช่น O.phaeacantha ผลสีม่วงแดงปลูกแถบนิวเม็กซิโกและรัฐอื่นๆที่ใกล้เคียง จึงมีชื่อสามัญว่า New Mexico Pricky Pear หรือ Purple-fruited Pricky Pear หรือพวก O.brasiliansis , O.tuna , O.streptacamtha และ O.cardoma ชาวเม็กซิกันยังรับประทานผลของแคคตัสอีกหลายชนิดเช่นพวก Hylocereus undatus ซึ่งมีผลสีแดงภายในมีเนื้อสีขาวและมีเมล็ดสีดำกระจายทั่วไปผลมีรสหวาน พบว่ามีปลูกอยู่ในแถบเอเชียเช่น ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งปลูกขายผลทั้งภายในประเทศและส่งไปขายที่ประเทศสิงค์โปร์
นอกจากนี้แล้วยังมีพวก Myrtillocactus geometrizans ซึ่งมีผลขนาดเล็กสีฟ้าขายกันในตลาดเม็กซิโกมีชื่อเรียกกันว่า Garumbullos ผลของ Carnegiea gigantea ก็ว่ากันว่าอร่อยมากสมกับความยากลำบากที่ต้องขึ้นไปเก็บบนต้นที่มีความสูงกว่า 10 เมตรหรือแคคตัสสกุล Echinocereus ที่มีชื่อสามัญว่า Strawberry Cactus นั้นผลมีเนื้อนุ่มรับประทานและรับประทานได้ถึงแม้ว่าผลจะมีหนามแต่เมื่อสุกผลจะนุ่ม สามารถขจัดหนามออกได้ง่าย Echinocactus ที่ผลมีหนามปกคลุมอยู่มากมายนั้น ภายในผลจะฉ่ำน้ำและมีกลิ่นคล้ายแตงโม จึงนิยมนำผลไปเชื่อมเป็นขนมชนิดหนึ่งเรียกว่า Vizanaga
ประโยชน์ของแคคตัสอีกประการหนึ่งก็คือนำไปทำเป็นที่พักอาศัยได้ สกุล Cereus นำมาทำรั้วทึบโดยที่คนหรือสัตว์ลอกผ่านไม่ได้ สกุลที่เหมาะสมนำมาทำรั้วคือ Pachycereus และ Stenocereus เพราะเป็นพวกมีลำต้นตั้งตรงมีชื่อสามัญว่า Organ Pipe หรือ Organ Cactus หรือสกุล Opunitia ก็นำมาปลูกทำรั้วเช่นกัน ยังมีแคคตัสอีกชนิดหนึ่งคือ Lophophora williamsii หรือที่มีชื่อสามัญว่า Peyote Cactus แถบรัฐเท็กซัสตอนใต้หรือตอนเหนือของประเทศเม็กซิโกเป็นแคคตัสที่ไม่มีหนาม มีรากคล้ายๆหัว turnip สีเขียวอมเทาส่วนบนของหัวแบ่งออกเป็น 8 ส่วนและมีเนินนูนซึ่งเรียกว่า Mescal-button คล้ายๆกระดุมเมื่อแห้งจะเปราะ แต่จะนุ่มเมื่อถูกน้ำ การนำมาใช้คือ นำหัวมาเฉือนตามขวาง เนินนูนคล้ายกระดุมนั้นจะมีสารที่ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน ชาวพิ้นเมืองอเมริกันและเม็กซิกันใช้ประกอบพิธีทางศาสนามากว่า 7,000 ปีแล้ว Peyote Cactus ประกอบด้วยสารอัลคาลอยน์ 30 ชนิดมี Mescaline เป็นตัวสำคัญเมื่อใช้แล้วจะมีอาการประสาทหลอน รู้สึกตัวเบา เห็นแสงสีเจิดจ้าขยายม่านตาทำให้กล้ามเนื้อคลาย (ใช้ 10-40 เนินนูน) ถ้าใช้มากจะเกิดอันตราย
จากทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า แคคตัสสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้หลายด้านสรุปได้คือ
1. นำมารับประทานเป็นอาหารเช่น รับประทานผลสด รับประทานส่วนของต้นที่นำมาเปลี่ยนรูปคือ นำมาเชื่อม ต้ม หรือทอด อีกทั้งนำมาใช้เลี้ยงสัตว์
2. นำมาทำที่พักอาศัย นำมาทำเป็นเสา ทำแนวรั้วหรือผนัง
3. ใช้ในการประกอบพิธีกรรมาทางศาสนาเช่น พิธีกรรมของชาวพื้นเมืองอเมริกันและเเม็กซิกัน
4. ใช้ในการประดับตกแต่งสถานที่เช่น ตกแต่งกับสวนหินหรือสวนทะเลทราย
5. ปลูกเลี้ยง สะสมพันธุ์ต่างๆให้เกิดความเพลิดเพลิน

ไม่มีความคิดเห็น: