วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

การดูแลแคคตัส

ในการดูแลรักษาแคคตัสนั้นจะต้องคำนึงถึงความต้องการของแคคตัสว่าต้องการอะไร
น้ำ
แคคตัสเป็นต้นไม้ที่ไม่ค่อยชอบน้ำมาก นักเล่นมือใหม่ส่วนใหญ่มักจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือไม่ก็ห่วงกลัวต้นจะไม่โตเลยเอาใจรดน้ำให้จนแฉะมีผลทำให้รากเน่า เป็นเหตุให้ต้นต้องตายในที่สุด จริงๆ แล้วแคคตัสสามารถทนแล้งและทนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้ดี ต้นจะเพียงแค่ชะงักการเจริญเติบโตเท่านั้น เมื่อความอุดมสมบูรณ์กลับคืนมาต้นก็จะเริ่มเจริญเติบโตอีกครั้ง
ในสภาพธรรมชาติแล้ว แคคตัสไม่ได้ต้องการน้ำตลอดเวลาต้นจะต้องการน้ำเฉพาะช่วงที่มีการการเจริญเติบโตเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะตรงกับช่วงฤดูฝนที่อากาศมีความชื้นสูง ส่วนช่วงฤดูหนาวแคคตัสจะพักตัวและเป็นช่วงที่ต้นแทบจะไม่ต้องการน้ำเลย
ดังนั้นในฤดูฝนจึงควรรดน้ำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งพอเข้าสู่ฤดูหนาวที่อากาศเริ่มแห้งแล้ง แคคตัสจะเข้าสู่ภาวะพักตัวช่วงนี้ควรให้น้ำแต่น้อยจนย่างเข้าสู่ฤดูร้อนจึงเริ่มค่อยๆ ให้น้ำมากขึ้น การให้น้ำมากไปในช่วงที่ต้นพักตังอาจเป็นสาเหตุทำให้แคคตัสไม่ผลิดอก เพราะฉะนั้นเมื่อซื้อแคคตัสมาก็ควรจะถามผู้ขายด้วยว่าต้นจะพักตัวและออกดอกช่วงไหน จะได้ทราบว่าควรงดรดน้ำในช่วงไหนเพื่อให้ต้นผลิดอก
วิธีการรดน้ำที่ถูกต้องคือ ต้องรดน้ำให้โชกจนน้ำไหลออกมาทางรูระบายที่ก้นกระถาง การรดน้ำให้โชกยังมีประโยชน์ช่วยชะล้างเอาสารพิษต่างๆ ที่อาจเกิดสะสมให้เจือจางลงหรือหมดไป และจะรดน้ำอีกครั้งเมื่อวัสดุปลูกแห้งเท่านั้น แต่ทั้งนี้ความถี่ในการรดน้ำก็ขึ้นอยู่กับ
สถานที่ตั้งกระถาง ว่าได้รับแสงมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งฤดูกาล
ความโปร่งร่วนของวัสดุปลูก
ขนาดและชนิดของภาชนะปลูก ถ้าเป็นกระถางดินเผาก็ต้องรดน้ำให้บ่อยกว่ากระถางพลาสติก
ปัจจัยที่มีผลต่อการรดน้ำ
ไม่ว่าจะเป็นชนิดหรือขนาดของกระถาง ชนิดของวัสดุปลูก รวมทั้งสถานที่ตั้งกระถางต่างก็เป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีผลต่อการรดน้ำทั้งสิ้นอย่างเช่น กระถางต่างชนิดก็จะมีความสามารถในการระเหยน้ำต่างกันเปรียบเทียบง่ายๆ เช่น ถ้ารดน้ำให้ต้นที่ปลูกในกระถาง 3 ชนิดต่างกันในปริมาณที่เท่าๆกัน เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งวันน้ำในกระถางดินเผาจะแห้งไปหมด ขณะที่ถ้าเป็นกระถางพลาสติกจะแห้งใน 2 วัน กระถางเซรามิกจะแห้งใน 3 วัน สรุปง่ายๆ คือ
กระถางต่างชนิดกัน แต่มีขนาดเท่ากัน ระเหยน้ำด้วยความเร็วไม่เท่ากัน
กระถางชนิดเดียวกัน แต่ต่างขนาดกัน ระเหยน้ำด้วยความเร็วไม่เท่ากัน
กระถางชนิดเดียวกัน ขนาดเท่ากัน แต่ใช้วัสดุปลูกต่างกัน ระเหยน้ำด้วยความเร็วไม่เท่ากัน
กระถางชนิดเดียวกัน ขนาดเท่ากัน ใช้วัสดุปลูกเหมือนกัน แต่ตั้งไว้คนละที่กัน ระเหยน้ำด้วยความเร็วไม่เท่ากัน
กระถางชนิดเดียวกัน ขนาดเท่ากัน ใช้วัสดุปลูกเหมือนกัน ตั้งไว้ที่เดียวกันแต่สภาพอากาศไม่เหมือนกันในแต่ละวัน ระเหยน้ำด้วยความเร็วไม่เท่ากัน
ดังนั้นสิ่งที่ควรทำในกรณีที่ซื้อแคคตัสมาจากหลายที่หลายแหล่ง คือ
เปลี่ยนกระถางให้เป็นชนิดเดียวกัน
ใช้วัสดุปลูกที่เหมือนกันหรือใกล้เคียงกัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับชนิดและพันธุ์ที่ปลูก
ตั้งกระถางในที่มีสภาพแวดล้อมที่คล้ายกัน
ข้อแนะนำ
* ลืมรดน้ำให้แคคตัสต้นก็ยังอยู่ได้ แต่ถ้ารดน้ำมากหรือบ่อยเกินไปแคคตัสตายแน่ๆ
* ควรรดน้ำในช่วงเช้า เพื่อให้น้ำที่ค้างขังอยู่บนต้นถูกแดดระเหยไปไม่ควรให้น้ำเกาะค้างอยู่กับต้น เพราะอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการเน่าหรือถูกแดดเผาได้
* อุปกรณ์ตรวจสอบการรดน้ำอย่างง่าย ใช้ไม้จิ้มฟันหรือไม้เสียบลูกชิ้นแห้งๆ จิ้มลงไปในวัสดุปลูกให้ลึกถึงก้นกระถาง ทิ้งไว้สักครู่แล้วดึงขึ้นมาดูถ้าไม้ยังชื้นอยู่ก็ไม่ต้องรดน้ำ ถ้าไม้แห้งก็รดน้ำได้
* โดยส่วนใหญ่แคคตัสที่ตั้งในอาคาร น้ำจะระเหยแห้งภายใน 5-7 วัน ส่วนแคคตัสที่ตั้งนอกอาคารน้ำจะระเหยแห้งหมดในเวลา 2-3 วัน
* ใช้น้ำประปารดน้ำให้แคคตัสได้ แต่ถ้าให้ดีควรเป็นน้ำประปาที่รองจากก๊อกแล้งทิ้งไว้ 2-3 วันให้คลอรีนระเหยให้หมดก่อน


แสงและอุณหภูมิ

แคคตัสส่วนมากชอบแสงแดด ต้นควรจะได้รับแสงอย่างจัดจ้าที่ส่องมาโดนต้นโดยตรง ควรพลางแสงให้ลดลงเหลือ 50-80 % แสงที่เหมาะสมคือแสงช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายที่ไม่แรงเกินไป แคคตัสที่ได้รับแสงพอเหมาะนั้นต้นจะเจริญเติบโตได้ดี สีสันของต้นและหนามสดใสสวยงาม และออกดอกในช่วงระยะเวลาที่ตรงตามลักษณะพันธุ์ ต้นที่ได้รับแสงมากเกินไป ผิวต้นจะกร้านไม่สดใสอาจไหม้ตายได้ แต่ถ้าแสงน้อยเกินไปหนามก็จะหดสั้น ต้นยืดสูงขึ้นรากไม่งอกงามและต้นไม่โต
สำหรับอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของแคคตัสไม่ควรต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียสและไม่ควรเกิน 37 องศาเซลเซียส ช่วงอุณหภูมิที่ดีที่สุดควรอยู่ระหว่าง 27-35 องศาเซลเซียส
ข้อแนะนำ
ถ้าเปรียบเทียบระหว่างภาวะขาดน้ำกับภาวะที่แสงและอุณหภูมิไม่เหมาะสมแล้ว แคคตัสมีโอกาสตายได้สูงจากกรณีภาวะที่แสงและอุณหภูมิมากกว่า เพราะถ้าแคคตัสขาดน้ำต้นจะเพียงแค่เข้าสู่ภาวะพักตัวและจะเริ่มเจริญเติบโตอีกครั้งเมื่อได้รับน้ำ ต่างจากเมื่อได้รับแสงมากเกินไปต้นจะถูกทำลายชะงักการเจริญเติบโตและตายในที่สุด

1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

สังสัยแคตตัสที่เกิดตามธรรมชาติทำไมไม่เป็นไร ทั้งที่รับแดด 100 %